อย่างนี้ต้องรักเลย - อย่างนี้ต้องรักเลย นิยาย อย่างนี้ต้องรักเลย : Dek-D.com - Writer

    อย่างนี้ต้องรักเลย

    ต่างรักต่างภาษา ก็หากันจนเจอ

    ผู้เข้าชมรวม

    81

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    81

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ธ.ค. 57 / 16:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    หนุ่มจีนมาเที่ยวไทย และพบเจอความรัก อย่างคาดไม่ถึง ต่างรักต่างภาษา แต่หากันจนเจอนะ

     

               

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       

       

      Treatment รักเล่าหนุ่มจีนที่มาเที่ยวไทยเกิดสดุดตาและหลงรักกับผู้หญิงที่ดูน่าค้นหาคนนึง

                     แนน สาวน้อยหน้าตาสะสวย จิตใจดี วัย18จากต่างจังหวัดที่เข้ามาเสี่ยงดวงหางานทำในกรุงเทพเมืองหลวงแสนซิวิไลซ์ในสายตาของเธอ ที่น่าจะบันดาลเงินตราฐานะทางสังคมอันมั่นคงให้เธอได้ ด้วยความหวังที่จะมีชีวิตที่ดีกว่าสถานะความเป็นอยู่อันแร้นแค้นไร้ซึ่งอนาคตที่บ้านเก่าของเธอ เธอต้องการงานและเงินในเมืองใหญ่เพื่อช่วยส่งเสียเลี้ยงดูยายและน้องที่ยังอยู่ต่างจังหวัด

       

                     นอกจากนี้เธอยังต้องการหนีจากอดีตอันแสนเลวร้ายที่เกิดจากคนใกล้ตัวในครอบครัวเธอแท้ๆอย่างน้าชายใจทรามของเธอที่เคยพยายามที่จะข่มขืนเธอและน้องสาวแต่โชคดีที่เธอสามารถหนีมาแล้วแจ้งตำรวจได้ และถึงแม้ว่าน้าของแนนโดนจับไปแล้ว แต่แนน น้องสาวและยายของเธอต่างก็ยังใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงว่าน้าของเธออาจพ้นโทษแล้วกลับมาแก้แค้นซักวัน เธอจึงต้องการหนีมาสร้างชีวิตใหม่ในเมืองหลวงเพื่อที่ว่าวันใดที่เธอพร้อมจะสามารถกลับมารับน้องและยายไปอยู่ด้วยกันได้ แต่เพราะวุฒิการศึกษาที่มีอยู่น้อยนิดบวกกับเงินเพียงพันกว่าบาทที่ยายของแนนรวบรวมเงินเก็บเท่าที่มีแทบทั้งหมดมอบให้ก่อนมา ทำให้แนนต้องรีบตระเวนหางานทำ แต่มันช่างยากเหลือเกินสำหรับหญิงสาวที่มีวุฒิการศึกษาเพียง ม.อย่างเธอที่จะมีงานดีๆเงินดีๆอย่างใครเขา

       

                     หลังจากหางานเป็นเวลานาน แนนก็ได้งานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่แม้จะไม่ได้เงินดีเท่าไรแต่แนนก็ไม่มีทางเลือกมากนักจึงต้องทนทำไปก่อน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้เจอกับจ๋าและก้อย หญิงสาวหน้าตาดีแต่กลับแลดูผ่านชีวิตมามากทั้งที่อายุยังดูไม่เกิน25ปีด้วยซ้ำ ทั้งสองสาวแสดงตัวเป็นคู่เลสเบี้ยนกันอย่างชัดเจน พูดจาเจี๊ยวจ๊าวเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใคร จ๋าดูเป็นคนที่สงบเสงี่ยมมากกว่าแต่กลับมีแววตาที่แฝงความเข้มแข็งแลดูมีอะไรในใจซ่อนเอาไว้อย่างน่ากลัวแต่กลับดูมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา เธอเป็นคนสูบบุหรี่จัดจนแทบไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับใบหน้าอันงดงามและหุ่นที่เรียกได้ว่าสมส่วนจนไม่แพ้ดารานางแบบของเธอนั้น ในขณะที่ก้อยดูเป็นคนน่ารักสดใสร่าเริง ถึงจะพูดมาก แต่คู่สนทนาคงไม่คิดจะเบื่อเนื่องด้วยเธอเอาใจเก่ง อัธยาศัยดีจนไม่ยากเลยที่ใครๆจะพากันตกหลุมรักเธอ ทั้งสองสาวได้มาทานอาหารในร้านที่แนนทำงานอยู่ ทั้งสองเพียงแค่เห็นแนนแว้บแรกก็รู้สึกถูกชะตาอย่างไม่มีเหตุผล และในวันนั้น ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนัก ทั้งยังไม่ได้กินข้าวเพราะแนนต้องเจียดเงินไว้จ่ายค่าที่พักถึงวันละ 250 บาท ทำให้เธอเผลอทำจานอาหารตกแตกจนโดนผู้จัดการร้านต่อว่าอย่างรุนแรง ด้วยความเสียใจแนนแอบหลบไปร้องไห้คนเดียวในห้องน้ำจ๋ากับก้อยที่เห็นเหตุการณ์เข้าพอดีจึงรอจังหวะเมื่อแนนเริ่มทำใจได้แล้วกลับมาเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะของจ๋ากับก้อยพอดี ทั้งสองจึงพูดคุยชักชวนให้ไปทำงานกับพวกเธอ ด้วยความที่ทั้งสองเห็นว่าแนนก็หน้าตาน่ารักดีทั้งยังต้องการเงินจำนวนมาก ทีแรกแนนก็มองออกหน่อยๆว่าต้องเป็นงานอะไรซักอย่างที่ไม่สู้ดีนัก คงเป็นไปไม่ได้ที่คนวุฒิการศึกษาน้อยอย่างเธอจะได้งานเบาเงินหนักเช่นนี้ คงจะหนีไม่พ้นงานที่ต้องเอาร่างกายเข้าแลกเป็นแน่แท้ แต่เมื่อเธอคิดถึงน้องสาวและยายที่บ้านนอก อีกทั้งเพื่อนสาวคนใหม่ทั้งสองยังสัญญาว่าจะคอยช่วยดูแลแนนเป็นอย่างดี หากถึงจุดที่ไม่ไหวก็จะไม่ฝืนและหาทางช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้แนนต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวมากเกินไป ทำให้แนนเริ่มรู้สึกมีกำลังใจและคิดว่า เป็นไงเป็นกันเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของเธอและครอบครัว ทำให้แนนตกลงใจทำงานกับก้อยและจ๋า ซึ่งทั้งสองก็เต็มใจให้แนนมาแชร์ที่พักกับอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับพวกเธอด้วย แม้จะมีบางครั้งที่ทั้งสองสาวทำให้แนนอึดอัดเล็กน้อยเพราะจะชอบแสดงบทรักกันต่อหน้าจนแนนต้องเดินหนีออกมายืนริมระเบียงคนเดียวหรือกระทั่งบางครั้งชวนแนนมาร่วมกิจกรรมด้วยกัน เพื่อเตรียมตัวเผื่อเทรนงานรอรับอะไรก็ตามที่แนนอาจต้องเจอในการทำงาน

       

      แม้ว่าจ๋าและก้อยจะทำงานกลางคืน แต่ทั้งสองก็เป็นคนที่มี ไหวพริบปฏิภาณ ฉลาดในการวางตัวมีลูกเล่นในการกระทำและคำพูดทำให้ทั้งคู่สามารถเอาตัวรอดจากการโดนลูกค้าฉวยโอกาสไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวเสี่ยงอันตรายในการไปต่อกับลูกค้ามากนัก  และด้วยความที่เธอทั้งสองเป็นดั่งนางประจำร้านที่มีแขกมาติดมากมายสร้างชื่อเสียงและรายได้ให้แก่ร้านอย่างมหาศาล ทำให้ทั้งจ๋าและก้อยเป็นที่รักและเกรงใจจากตัวเจ้าของร้านและคนดูแล ที่ไม่ค่อยกล้าต่อว่าต่อขานเวลาทั้งคู่มีปัญหากับแขกนักเพราะรู้ดีอยู่ว่าทั้งคู่เป็นตัวทำเงินยิ่งมีมลทินก็ยิ่งทำให้ราคามูลค่าตกไปทั้งยังกลัวจะถูกร้านอื่นแย่งซื้อตัวไป ในเมื่อพวกเธออยู่ในระดับ“High Class”ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นหน้าที่ของทั้งสองสาวที่คอยสอนงานและให้คำแนะนำแก่แนนแทบจะทุกเรื่อง บางครั้งที่แนนกำลังจะโดนแขกลวนลามทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าแนนไม่ให้ออฟ แต่ก็ยังจะฝืน ก็ได้จ๋าและก้อยที่เข้ามาช่วยคลี่คลายให้ผ่านไปได้ ทั้งยังสอนวิธีการวางตัว เทคนิคการเอาตัวรอดจากการโดนละลาบละล้วงโดยที่ไม่จำเป็นต้องโดนอะไรมากมายจากแขก โดยสิ่งที่ก้อยกับจ๋าเน้นย้ำกับแนนบ่อยๆคืออย่าเผลอใจไปเชื่อลมปากจากแขก ทั้งสองเคยเจอคำพูดสวยหรูประเภทที่ว่าอยากให้เธอไปร่วมชีวิตด้วยกันจะได้ทิ้งงานตรงนี้แล้วไปมีชีวิตใหม่ด้วยกัน แต่พวกเธอก็บอกว่าคำพูดเหล่านั้นก็แค่ถ้อยคำสวยหรูที่มีแต่ในละครหลังข่าวกับนิยายประโลมโลกเท่านั้น ชีวิตจริงไม่มีผู้ชายที่ไหนจะมีจิตใจดีหรือจริงใจพอกับผู้หญิงอย่างเราๆได้ขนาดนั้น อย่าไปเผลอใจหลงลมปากใคร เพราะผู้ชายพวกนี้มันก็ไว้ใจไม่ได้ซักคน ผู้ชายทุกคนก็หวังเพียงแค่เซ็กซ์ชั่วครั้งคราวจนโน้มน้าวได้ทุกอย่างเพื่อมัน พวกเธอเห็นคนอื่นเจ็บปวดเพราะลมปากผู้ชายมานักต่อนักจึงไม่อยากให้แนนที่ดูเป็นคนซื่อๆเป็นหนึ่งในนั้น แนนจึงพยายามจำขึ้นใจจนไม่ว่าเจอแขกพยายามป้อยอแค่ไหนก็จะไม่เผลอใจ ให้เกิดความรู้สึกส่วนตัวอะไรในระหว่างการทำงานโดยเด็ดขาด

       

      จากที่แต่เดิมแนนเคยเป็นคนหนึ่งที่ดูถูกอาชีพนี้ที่มองว่าไร้เกียรติ เสื่อมเสีย แต่เมื่อได้มาสัมผัสชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ ได้เจอกับประสบการณ์จริงก็ทำให้แนนเริ่มเข้าใจถึงหัวอกคนที่ทำงานประเภทนี้ ว่าโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คาดหวัง ไม่ว่าใครก็ตามถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากจะทำงานแบบนี้หรอก แต่ในขณะเดียวกันการทำงานเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวเสมอไป เพียงแค่มีเทคนิครู้ทางหนีทีไล่ รู้จักการเอาตัวรอดให้ดี งานนี้แทบไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่นั่งเฉยๆเอาใจผู้ชายนิดๆหน่อยๆก็ได้เงินดีๆมาติดกระเป๋าได้ง่ายๆแล้ว   

      วันหนึ่งมีทัวร์ต่างชาติที่มาทำงานที่เมืองไทยมาลงที่พัฒน์พงษ์ ทำให้จากปกติที่ชาวต่างชาติจะเยอะอยู่แล้วพอมาวันนี้แขกต่างชาติในร้านเลยเนืองแน่นเป็นพิเศษ แนนเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของก้อยกับจ๋าพอดี ทำให้ไม่มีใครคอยเป็นกองหนุนช่วยเหลือตอนลำบาก เพียงแค่คิดว่าจะคุยอะไรกับแขกก็ยากแล้ว เพราะแนนแทบไม่รู้ภาษาต่างประเทศเลยแม้กระทั่งภาษาอังกฤษที่มีความรู้เพียงแค่งูๆปลาๆได้แต่คำศัพท์ง่ายๆขั้นพื้นฐานที่ก้อยกับจ๋าเคยสอนมาบ้างแต่ก็ไม่คล่องถึงขนาดสื่อสารได้เป็นเรื่องเป็นราว  ที่สำคัญแนนยังไม่รู้ว่าแขกพวกนี้จะมาไม้ไหน ควรจะรับมืออย่างไร แนนก็เลยได้แต่พยายามนั่งหลบๆ ใช้ข้ออ้างขอเข้าห้องน้ำแว้บไปแว้บมา พยายามหนีทั้งลูกค้าทั้งเจ้าของร้านและคนดูแลที่ทำหน้าที่คอยเชียร์แขก  แต่ไม่ว่าจะพยายามหลบลี้หนีหน้าใครซักแค่ไหน สุดท้ายเธอก็เผลอเดินไปชน ฮั่น หนุ่มนักธุรกิจชาวจีน จิตใจดี ที่เป็นคนเก็บความรู้สึก ไม่ค่อยชอบแสดงออกในสิ่งที่คิดและรู้สึกจนบางครั้งเหมือนคนเย็นชาทั้งๆที่จริงแล้วกลับเป็นคนที่คอยเป็นห่วงและคอยเทคแคร์คนรอบข้างอยู่เสมอๆ เขาไม่ได้ชอบการเที่ยวแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เพื่อนๆมากันทั้งด้วยความเกรงใจรวมถึงต้องการผ่อนคลายความเครียดจากการเดินทางและเรื่องงาน ทำให้เขายอมมาเที่ยว

      เมื่อทั้งฮั่นและแนนเจอกัน ต่างคนต่างรู้สึกถูกตาต้องใจกันแต่ก็เหมือนมีกำแพงความรู้สึกให้ทั้งคู่ตั้งแง่ใส่กันด้วยความที่ฮั่นก็มองแนนว่าเป็นสาวหน้าตาดีที่สะดุดตาเขาพอสมควรแต่ก็เป็นแค่เด็กนั่งดริ๊งค์คนหนึ่งเท่านั้น  ฝ่ายแนนก็คิดแค่ว่าฮั่นก็เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหน้าตาหล่อเหลาผิดวิสัยลูกค้าทั่วไป แต่ก็เป็นแค่ลูกค้าบ้ากามตามประชาผู้ชายที่มาที่แบบนี้คนหนึ่งเช่นกัน หลังจากทั้งสองสบตากันพักนึงด้วยความตะลึงงันและทำตัวไม่ถูก ต่างฝ่ายต่างก็ขอโทษขอโพยกัน  ซักพักกรุ๊ปเพื่อนๆของฮั่นให้เจ้าของร้านเรียกเด็กๆมาให้เลือก ด้วยความที่ช่วงนั้นก็ดึกมากแล้วทำให้เด็กส่วนใหญ่ถูกเรียกตัวไปหมดแล้วทำให้แนนถูกเกณฑ์มาด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อทั้งฮั่นและแนนมาเจอกันอีกทีในสถานการณ์เช่นนี้ต่างก็เริ่มมีความรู้สึกแปลกๆระหว่างกันขึ้นมา ทั้งสองมองหน้ากันพักนึง แล้วแนนก็พยายามหลบสายตาฮั่นไปด้วยความเขินอาย ฝ่ายเพื่อนๆของฮั่นก็เห็นว่าฮั่นไม่ค่อยมาเที่ยวอะไรแบบนี้ทั้งยังเห็นสายตาฮั่นที่จ้องแนนตาแทบไม่กระพริบเลยบอกให้ฮั่นเป็นฝ่ายเลือกเด็กก่อน สาวๆหลายๆคนต่างก็พากันส่งสายตาเว้าวอนให้ฮั่นด้วยความที่ฮั่นจัดได้ว่าเป็นคนหล่อเหลา หน้าตาดีกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปและที่สำคัญเป็นคนหล่อที่สุดในกลุ่มนี้ที่มากัน แต่กลับมีแต่แนนเท่านั้นที่คอยหลบสายตา โดยไม่ต้องพูดถึงเรื่องหว่านเสน่ห์ เพราะเพียงแค่ชายตามองแนนยังไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วยเท่าไหร่เลย ด้วยความที่เขาไม่คาดว่าจะเจอกิริยาท่าทางขวยเขินเช่นนี้จากเด็กนั่งดริงค์อย่างที่เขาคาด ฮั่นจึงเลือกแนน  เมื่อรู้ดังนั้นแนนจึงแอบถอนหายใจเล็กๆพร้อมกับทำใจล่วงหน้าว่าโดนจนได้ แต่ในใจลึกๆเธอกลับรู้สึกดีใจที่ฮั่นเป็นคนเลือกเธอ อย่างน้อยก็ดีกว่าเป็นคนอื่นที่ดูหน้าตาท่าทางอันตรายมากกว่าหลายเท่านัก

      แนนเข้ามานั่งข้างๆฮั่น ด้วยความที่เพื่อนๆในกลุ่มต่างเรียกเด็กมานั่งกันหมดจนเบียดทำให้ทั้งฮั่นและแนนต้องนั่งชิดจนตัวแทบติดกัน แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองกลับแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลยซักคำด้วยความที่แนนก็ไม่รู้จะพูดภาษาจีนอย่างไร หรือภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยแข็งแรง ส่วนฮั่นที่แทบไม่เคยมาเที่ยวเด็กดริงค์เช่นนี้ก็วางตัวไม่ถูกเช่นกันว่าควรทำตัวอย่างไรดี หลังจากช่วงเวลาแห่งความกระอักกระอ่วนผ่านไปซักพัก  ฮั่นก็แซวเป็นภาษาอังกฤษไปว่าเรียกมานั่งด้วยกันทั้งทีเธอไม่คิดจะบริการอะไรบ้างเลยหรอ  แนนได้ยินก็งงๆไม่รู้จะทำยังไงดีเลยจะขยับมานั่งตักฮั่น  ฮั่นเมื่อเห็นดังนั้นก็ตกใจเลยรีบเบรกไว้แล้วถามว่าเธอจะทำอะไร แนนก็มองด้วยสายตางง ๆเพราะตัวเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าฮั่นต้องการอะไรเหมือนกัน ฮั่นจึงชี้ไปที่แก้วเหล้า ที่ดูออกว่ามันคงหมดนานแล้ว เพราะน้ำแข็งในแก้วละลายไปเกือบครึ่ง แนนเมื่อเห็นดังนั้นเลยโล่งใจพร้อมรีบหยิบแก้วชงเหล้าให้ทันที และแอบอมยิ้มด้วยความเขินอายในความเฟอะฟะของตัวเอง ฮั่นเห็นรอยยิ้มน่ารักของแนนแล้วก็เผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นทั้งสองก็ลองพยายามนั่งคุยกันด้วยภาษาอังกฤษงูๆปลาๆ ของคนสองคนที่สื่อสารปนกันไปมามั่วๆทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ แม้กระทั่งภาษาจีน แม้จะไม่ได้เข้าใจที่คุยกันอย่างถ่องแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ทั้งสองคนก็มีความรู้สึกเหมือนต่างฝ่ายต่างได้สื่อสารเข้าใจกันด้วยภาษากายและสายตาที่เข้าใจได้ง่ายกว่าคำพูดใดๆมากมายนัก และสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นก็ทำให้ทั้งสองมีความสุขมาก

      หลังจากคืนนั้นผ่านไปในวันต่อๆมา ฮั่นก็เป็นฝ่ายขอตามเพื่อนมาด้วยทุกวัน จนเพื่อนๆต่างก็พากันแซวว่าฮั่นดูท่าทางจะหลงเสน่ห์สาวไทยคนนั้นอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ตัวฮั่นก็ได้แต่ยิ้มๆพลางเริ่มรู้สึกประหลาดใจที่ตัวเองดูเหมือนจะเริ่มติดใจหลงใหลในตัวแนนไปโดยไม่ทันรู้สึกตัว เขาเริ่มรู้สึกอยากเห็นหน้า อยากฟังเสียง ได้อยู่ใกล้ชิดแนนอย่างที่ไปเที่ยวที่ร้านทุกวันๆ  วันหนึ่งแนนก็ถามว่าฮั่นจะมาอยู่ที่เมืองไทยถาวรไม่กลับจีนแล้วเหรอ ฮั่นบอกว่า พวกเขามีโปรเจคงานที่นี่ 3เดือน ครบกำหนดถึงกลับ พอฮั่นพูดจบทั้งคนฟังและคนพูดต่างก็นิ่งกันไป ในจังหวะนั้นเองที่ทั้งฮั่นและแนนตระหนักได้ว่าเวลาแห่งความสุขของทั้งสองกำลังหมดไป ไม่เฉพาะกับฮั่น แม้แต่ตัวแนนเองก็รู้สึกดีกับฮั่นเช่นกัน เพราะตั้งแต่เจอฮั่น แนนก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องไปเจอกับลูกค้าเสือสิงห์กระทิงแรดที่ไหนอีกต่อไป เพราะฮั่นกลายเป็นลูกค้าขาประจำของเธอ โดยที่ทางร้านก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะฮั่นและเพื่อนมักจะจ่ายหนักให้เสมอๆ ที่สำคัญฮั่นทั้งเป็นคนสุภาพนอบน้อมให้เกียรติและดีต่อแนนชนิดที่เธอไม่เคยเจอใครที่ดีกับเธอเช่นนี้มาก่อน แม้ก่อนหน้านี้ก้อยกับจ๋าจะเคยเตือนไว้เสมอๆว่าอย่าเผลอใจให้ลูกค้าแต่ดูเหมือนว่าสำหรับแนนแล้วฮั่นคือข้อยกเว้น  หลายครั้งที่ฮั่นกับแนน นัดเดทกันนอกรอบไปดูหนัง ไปเดินเที่ยวกัน กินข้าวด้วยกัน นับวันทั้งสองจะยิ่งดูสนิทสนมกันมากขึ้นทุกทีๆ

      อยู่มาวันหนึ่งระหว่างที่ไปเที่ยวด้วยกัน ฮั่นก็หยิบกีต้าร์ขึ้นมาและบอกว่าจะร้องเพลงให้แนนฟัง   แนนก็บอกว่าเธอฟังไม่เพลงที่ไม่ใช่ภาษาไทยไม่ออกหรอก จะร้องไปทำไม ฮั่นก็บอกแนนว่าเพลงที่เขาจะร้องไม่จำเป็นต้องใช้หูฟังก็ได้แต่ให้ลองใช้ใจฟังดู แนนได้ยินดังนั้นก็อดหัวเราะกับความน้ำเน่าของฮั่นไม่ได้พร้อมแซวว่าคนจีนก็เล่นมุขอะไรเลี่ยนๆแบบนี้เป็นด้วยเหรอ แต่ฮั่นก็ไม่ตอบโต้อะไรแต่กลับแสดงสีหน้าจริงจังพร้อมเริ่มเล่นอินโทรเพลง จนเมื่อท่อนร้องดังขึ้นแนนจึงได้รู้ว่าฮั่นตั้งใจร้องเพลง คนของเธอ(แมว จิระศักดิ์) ที่เขาแอบศึกษาภาษาไทยมานั่งถอดเนื้อเพื่อตั้งใจจะร้องให้แนนฟัง เมื่อฟังจบจากแรกๆที่แนนยังมีรอยยิ้มด้วยความขบขัน แต่หลังจากนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกดหลังจากได้ยินเสียงร้องของฮั่นที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก น้ำตาค่อยๆไหลออกจนอาบแก้มของเธอโดยไม่รู้ตัว ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครทำอะไรดีๆอย่างนี้ให้เธอมาก่อนเลย มันเป็นความรู้สึกดีๆที่เธอไม่คิดว่าจะหาได้จากผู้ชายที่ไหนอีกแล้ว  เมื่อจบเพลงแนนเข้าสวมกอดฮั่นทันที  ฮั่นยิ้มตอบและบอกว่าต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาจะดูแลเธอเอง ในจังหวะนั้นทั้งคู่ต่างหมดความสงสัยในความรู้สึกของตัวเองต่อไป แนนเองก็พร้อมจะมอบกายและใจให้แก่ฮั่น พร้อมวาดฝันถึงชีวิตที่ทั้งสองจะได้ครองรักอยู่ร่วมทุกช์ร่วมสุขกันต่อไป

      ในขณะเดียวกันก้อยกับจ๋าที่คอยสังเกตการด้วยความเป็นห่วงอยู่ห่างๆก็กังวลว่าแนนจะโดนหลอกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพวกเธอก็เคยเห็นเหตุการณ์ที่มีเพื่อนทำงานนั่งดริงค์เหมือนกันแต่โดนแขกต่างชาติหลอกว่าจะพาไปอยู่ด้วยดูแลอย่างดีแต่สุดท้ายกลับไปโดนทำทารุณกรรมจนต้องซมซานกลับมาไทยในสภาพที่แทบดูไม่ได้ พวกเธอเห็นว่าเตือนแนนเท่าไหร่ก็คงไม่ฟังเพราะมัวแต่หลงฮั่นจนกู่ไม่กลับแล้ว จึงพยายามไปร้องขอกับทางร้านว่าคราวหน้าไม่ต้องรับแขกจีนกลุ่มของฮั่นมาอีกเลยได้ไหม แต่ทางร้านก็ปฎิเสธเพราะไม่อยากเสียลูกค้าเงินหนักกลุ่มนี้ไป พวกเธอจึงพยายามแอบสะกดรอยตามดูฮั่นกับพรรคพวกว่าไว้ใจได้หรือไม่ หรือเวลาที่ฮั่นอยู่กับแนนกันสองต่อสองเป็นอย่างไร จึงเป็นเหตุให้พวกเธอไปพัวพันกับกลุ่มมาเฟียต่างชาติจนเกือบเอาตัวไม่รอด แต่เคราะห์ยังดีที่ได้เหลาเพื่อนในกลุ่มของฮั่นที่มีคอนเนคชั่นกับกลุ่มมาเฟียดังกล่าวมาช่วยเหลือเอาไว้ พร้อมบอกกับก้อยกับจ๋าว่าห้ามนำเรื่องที่เขารู้จักกับแก๊งค์มาเฟียนี้ไปบอกฮั่นหรือกระทั่งแนนเด็ดขาด แต่อีกสาเหตุหนึ่งที่เหลายอมช่วยทั้งสองสาวก็เพราะลึกๆแล้วเหลาแอบหลงรักจ๋านั่นเอง ก้อยที่พอมองออกก็ไม่ได้พยายามจะขัดขวางอะไรเพราะมองว่าหากคนที่ตกรักมีที่ไปที่ดีกว่าก็ควรจะไปในขณะที่จ๋านั้นแม้จะรู้ว่าเหลาชอบเธอแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนั้นตอบเพราะในใจเธอมีแต่ก้อยคนเดียวเท่านั้น

      เวลาผ่านไปเมื่อใกล้ถึงกำหนดกลับจีนของฮั่นในอีกไม่กี่วันนั่นเอง ความสัมพันธ์ระหว่างแนนกับฮั่นก็เริ่มเปลี่ยนไป แนนเริ่มพยายามหลบหน้าหลบตาฮั่น เริ่มไม่ค่อยมาทำงาน แม้ฮั่นพยายามนัดเจอนอกเวลาแต่แนนก็ไม่ยอมออกไปไหนด้วยกันอีก ทั้งยังส่งsmsมาบอกฮั่นว่าช่วงนี้ให้ห่างๆกันซักพักยังไม่พร้อมจะเจอหน้า ทั้งที่ปกติตั้งแต่คบกันถึงวันไหนฮั่นจะติดงานก็จะแวะมาหาแนนพากลับบ้านแทบทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นเวลากี่โมงกี่ยาม  แต่ตอนนี้แนนกลับบอกว่าไม่ต้องมารับแล้วตัวเองกลับบ้านเองกับเพื่อนที่ทำงานได้  จนฮั่นทนไม่ไหวที่อยู่ดีๆคนที่เคยคุ้นเคยกลับเปลี่ยนไปอย่างไร้เหตุผล วันหนึ่งเขาก็ได้เข้าไปที่ร้านโดยไม่บอกแนนล่วงหน้าเพราะต้องการมาคุยกับแนนตัวต่อตัวให้ได้  แต่เมื่อพอเข้ามาภาพที่เขาเห็นคือแนนกำลังคุยกับเสี่ย หนุ่มชาวไทยคนหนึ่งนามว่าอู๋ เป็นลูกนักการเมืองที่แม้จะหน้าตาดีแต่นิสัยกลับตรงกันข้ามอย่างหน้ามือหลังมือ ฮั่นสังเกตได้ทันทีว่าแนนเองมีสีหน้าไม่สู้ดีเลยเมื่ออยู่กับเสี่ยคนนั้น ฮั่นพยายามไปโวยวายกับคนเชียร์ในร้านว่าทำไมให้เด็กประจำของเขาไปอยู่กับคนอื่น แต่เด็กเชียร์ก็ได้แต่อ้างว่าใครเงินถึงก็ได้รับบริการไปไม่มีสิทธิ์เลือกลูกค้าได้  และในจังหวะนั้นเองที่ฮั่นหันไปเห็นภาพที่เสี่ยคนนั้นดึงแนนเข้ามาจูบโดยที่แนนยังไม่มีท่าทีขัดขืน เขาคิดไปเองในทันทีว่านี่คือสาเหตุที่แนนหลบหน้าหลบตาเขา แนนคงมีเสี่ยคนใหม่มาเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีไปแล้ว สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ต่างไปจากที่เขาคิดไว้ตอนแรกด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนทรยศหักหลังทำให้ฮั่นวิ่งออกไปข้างนอกร้าน แนนที่เห็นฮั่นวิ่งออกไปพอดีก็รู้สึกเจ็บปวดใจเลยพยายามขอปลีกตัวด้วยการบอกว่าปวดท้องไม่สบาย แล้วเดินซึมออกจากร้านไป ภาพสีหน้าของฮั่นในจังหวะนั้นยังตอกย้ำให้เธอยิ่งไม่สบายใจขึ้นมาทันที แต่หลังจากเดินออกมาจากร้านได้ซักระยะเธอก็เจอกับฮั่นที่ยังนั่งกินเหล้าอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่ข้างทางพอดี แนนที่รู้ทันทีว่าตัวเองผิดมาตลอดก็พยายามอธิบายให้ฮั่นเข้าใจ  แต่ฮั่นไม่สนใจจะรับฟังอะไรแล้วทั้งสิ้น และบอกกับแนนไปว่า ไม่ต้องอธิบายอะไรอีก เพราะภาพที่เห็นมันอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้หมดแล้ว เขาคิดว่าแนนจะไม่เป็นเหมือนเด็กนั่งดริงค์คนอื่นๆแต่เขาก็คิดผิด เขาคิดว่าจะเริ่มชีวิตใหม่กับเธอได้แต่มันก็แค่เรื่องเพ้อฝัน ทั้งยังเปิดเผยกับแนนว่าจริงๆแล้วที่มาวันนี้เพราะจะบอกว่า อีกไม่ถึงสองอาทิตย์เขาจะต้องกลับแล้ว  แต่เขาคงไม่ต้องบอกอีกแล้วเพราะแนนคงไม่อยากรู้แนนคงมีคนใหม่ไม่สนใจอะไรเขาอีกต่อไปแล้ว  แนนเองได้ฟังก็ได้แต่อึ้งยืนตัวนิ่งแข็งทื่อ เหมือนถูกสะกดด้วยความเศร้าโศกรู้สึกผิด ฮั่นเมื่อเห็นดังนั้นก็พูดทิ้งท้ายไปว่า เขาคงไม่รวยพอที่จะมีค่าในชีวิตแนนซินะ แล้วก็เดินจากไปทั้งๆที่ยังเมามายจากฤทธิ์สุรา  แม้แนนที่เริ่มได้สติจะตะโกนตามหลังว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่อย่างที่เห็น ฮั่นเข้าใจผิดไป เธอสามารถอธิบายได้จริงๆ  ฮั่นที่แม้จะได้ยิน แต่เขาก็แทบสิ้นสติด้วยความเมาทั้งยังคงเจ็บปวดเสียใจกับภาพที่ได้เห็นและการหลบหน้าที่ผ่านๆมาของแนนจึงไม่ได้หันหลังกลับไป เขารู้สึกว่าจากทุกสิ่งที่ทุ่มเทให้ทั้งกายและใจมันเจ็บปวดเกินไปที่จะอภัยให้เธออีก

       วันรุ่งขึ้นแนนตัดสินใจลาออก ไปทำงานพาร์ทไทม์ที่โออิชิ เธอบอกกับจ๋าและก้อยว่า ถึงเงินจะไม่เท่ากันแต่เธอสบายใจกว่า ข้างสองสาวเมื่อเห็นเด็กสาวที่พวกเธอเอ็นดูเศร้าหมองเช่นนี้ก็ไม่ได้บีบบังคับแต่กลับสนับสนุนให้เธอลาออกไป ทั้งยังพยายามปลอบโยนให้กำลังใจแนน ทั้งสองพยายามติดต่อเหลาเพื่อถามถึงฮั่นเพื่อจะได้ปรับความเข้าใจกัน แต่แม้แต่เหลาเองก็บอกว่าฮั่นก็กลายเป็นคนเก็บตัวไม่พูดไม่จากับเพื่อน  เซื่องซึมไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเดิมอีกต่อไป  แต่ด้วยความที่อยากช่วยเพื่อนของทั้งสองฝ่ายเหลาจึงช่วยนัดก้อยกับจ๋าให้มาเจอกับฮั่นจนได้ ทั้งสองสาวจึงพยายามอธิบายเรื่องราวที่แท้จริงของแนนให้ฮั่นฟัง ตอนแรกฮั่นก็เหมือนจะไม่อยากรับรู้ แต่จ๋าที่รักแนนมากเช่นกันเห็นดังนั้นก็โมโหเลยผลักฮั่น พร้อมทั้งตะคอกใส่ว่าผู้ชายก็เป็นแบบนี้ คิดอะไรไปเองคนเดียวไม่เคยสนใจจะฟังคนรอบข้าง เห็นแก่ตัว ในขณะที่จ๋ากำลังอารมณ์ขึ้นฮั่นก็เห็นว่าจ๋าน้ำตาค่อยๆไหลนองออกมา เขาจึงยอมรับฟังและถามว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่แนนจึงทำตัวแบบนั้น  ก้อยจึงเล่าถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าที่แนนหลบหน้าฮั่นไปเพราะรู้สึกผิดด้วยความที่มีเสี่ยอู๋ หนุ่มหล่อลูกนักการเมืองคนหนึ่งมาติดตาต้องใจแนนตั้งแต่แนนเข้ามาทำงานที่ร้านแล้ว แต่ที่ผ่านๆมาแนนเป็นคนไม่เคยออฟเสี่ยอู๋เลยไม่ได้อะไรกับเธอมาก จนพวกเธอก็ตายใจคิดว่าคงไม่มีอะไรแล้ว  จนสุดท้ายทั้งคู่มารู้ทีหลังว่ามาวันหนึ่งแนนโดนพวกลูกน้องของเสี่ยอู๋ดักฉุดให้ไปนอนกับด้วย แล้วหลังจากนั้นแนนก็กลัวและไม่กล้ากลับบ้านคนเดียวอีกเลยโดยที่ตอนนั้นแนนยังไม่ได้เจอกับฮั่นเลยเสียด้วยซ้ำไป จริงอยู่ว่าหลังจากนั้นเสี่ยจะหนำใจและไม่มายุ่มย่ามอะไรกับแนนอีกแล้วแต่ทว่าเมื่อเดือนก่อน แนนกลับมารู้ตัวว่าท้อง และนั่นคือช่วงหลังจากที่แนนคบกับฮั่นแล้วจึงเริ่มพยายามตีตัวออกห่างเพราะกลัวว่าถ้าฮั่นรู้ความจริงจะยอมรับไม่ได้แล้วทิ้งเธอไป สู้เธอเป็นฝ่ายทิ้งฮั่นไปก่อนเสียดีกว่าจะได้ไม่เป็นฝ่ายเจ็บปวดเสียเองทั้งยังอยากให้ฮั่นได้ไปเจอใครที่ดีพร้อมกว่าเธอด้วย แต่ข่าวที่แนนท้องก็เล็ดรอดไปถึงหูของเสี่ยอู๋จนได้ ด้วยความกลัวว่าวันหนึ่งแนนอาจเอาเด็กในท้องมาแอบอ้างสิทธิ์จนทำให้ชื่อเสียงของเขาและพ่อนักการเมืองเสื่อมเสียไปด้วย ภาพที่ฮั่นเห็นในคืนนั้นก็คือเสี่ยอู๋ที่พยายามมาพูดเกลี้ยกล่อมให้แนนทำแท้งไปซะทั้งยังให้ข้อเสนอเป็นเงินช่วยเหลือก้อนโตเป็นการปิดปาก หากแต่แนนไม่อยากจะทำแท้งเพราะแม้ลูกที่เกิดมาจะไม่ได้เกิดมาด้วยความตั้งใจแต่ก็เป็นลูกในไส้ของเธอที่เธอตั้งใจจะเลี้ยงดูคนเดียว ทำให้แนนตอกกลับเสี่ยไปว่าแนนไม่ได้ท้องกับเสี่ย  และด้วยความที่รู้สึกผิดกับฮั่นแถมยังกลัวจะทำให้ทางร้านมีปัญหาทั้งยังต้องการหลบหน้าเสี่ยอู๋ก็ทำให้แนนต้องตัดสินใจลาออกจากร้านและไปทำงานที่อื่น  ฮั่นได้ฟังอย่างนั้นถึงกับอึ้งที่มารู้ความจริง คราวแรกเขารู้สึกโกรธที่แนนโดนคนอื่นย่ำยีไปแล้วแต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกผิดที่เขาไม่ยอมฟังเหตุผลของเธอ เมื่อคิดถึงว่าแนนเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆที่ต้องมาเผชิญเคราะห์กรรมหนักหนาสาหัสขนาดนี้แต่เขายังผลักไสไล่ส่งเธอไปอย่างไร้ใยดี ฮั่นจึงถามจ๋ากับก้อยว่าแนนย้ายไปทำงานที่ไหน  เมื่อรู้ฮั่นไปยืนรอแนนหน้าร้านโออิชิให้แนนเลิกงานก่อน แต่แล้วระหว่างที่ฮั่นรอเสียงโทรศัพท์มือถือของฮั่นก็ดังขึ้นมา เขาดีใจรีบรับสายเพราะแอบหวังว่าเป็นแนนโทรมาโดยไม่ทันมองว่าชื่อที่ขึ้นว่าโทรมาเป็นใคร แต่เมื่อฮั่นรับโทรศัพท์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเสียงในสายคือหลินแฟนเก่าของเขาเองที่มาทำงานที่เมืองไทยเช่นกัน เธอบังเอิญเห็นฮั่นที่หน้าร้านจึงลองโทรมาเพื่อความแน่ใจเพราะทั้งสองได้เลิกลากันไปนานแล้ว ทั้งสองได้มาเจอกันที่หน้าร้านที่แนนทำงานอยู่พอดี เมื่อหลินเจอฮั่นด้วยความคิดถึงจึงตรงเข้าไปสวมกอดฮั่นทันที และในจังหวะนั้นเองราวกับละครหลังข่าวที่แนนหันมาเห็นภาพฮั่นกับหลินกอดกันอย่างสนิทสนมเข้าพอดีจึงเข้าใจผิดว่าฮั่นคงลืมเธอแล้วไปมีคนใหม่แล้ว แนนรู้สึกโกรธลึกๆในใจว่าทำไมทั้งคู่ต้องมาแสดงความรักกันต่อหน้าเธอทั้งที่อุตส่าห์หนีหน้ามาทำงานที่ใหม่โดยไม่บอกเขาแล้วแท้ๆ ทางด้านหลินแม้จะเลิกรากับฮั่นแล้วแต่ก็เป็นการจากกันด้วยดีเมื่อมาเจออีกทีเลยอยากชวนไปคุยระลึกความหลังถามไถ่สารทุกข์สุขดิบตามประสา ฮั่นเองก็เห็นว่าเดี๋ยวจะกลับก็จะไม่ได้เจอหลินแล้วเลยตกลงใจไปกินข้าวด้วยกันจนเผลอลืมว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม เขาชำเลืองมองไปเห็นแนนที่มองมาที่เขาอย่างเศร้าหมองเช่นกันแต่ไม่นานแนนก็หลบสายตาเขาไป  ฮั่นเลยตั้งใจว่าเมื่อเขาคุยธุระปะปังกับหลินเสร็จจะกลับมาเคลียร์กับแนนอีกที แต่หลังจากนั่งกินข้าวไปซักพักเขาก็สลัดความคิดถึงแนนและภาพใบหน้าอันแสนเศร้าหมองของเธอไม่ได้ ฮั่นจึงขอตัวลาจากหลินไปก่อนแล้วรีบวิ่งกลับมาที่ร้านที่แนนทำงาน เมื่อกลับมาเขาก็เห็นแนนที่กำลังโบกแท็กซี่กลับบ้านพอดี ฮั่นจึงรีบวิ่งไปดักพร้อมขอเคลียร์เรื่องที่คาใจกับแนน แนนเองหลังจากที่เห็นภาพเมื่อซักครู่ก็บอกกับฮั่นว่าดีใจด้วยที่มีคนใหม่ ดีแล้วที่มันเป็นแบบนี้ผู้ชายดีๆอย่างฮั่นไม่ควรมาจมปลักอยู่กับผู้หญิงอย่างเธอ ฮั่นควรเจอใครที่ดีกว่า และผู้หญิงคนนั้นก็ดูเหมาะสมดีกับฮั่น  ตัวฮั่นเองก็รีบอธิบายว่าหลินเป็นแฟนเก่าที่บังเอิญมาเจอกัน ถ้าเขามีคนใหม่แล้วจริงๆเขาไม่ลำบากกลับมาหาแนนหรอก หลังจากนั้นฮั่นก็ดึงแนนเข้ามากอด และบอกว่าเขารู้ความจริงทุกอย่างหมดแล้ว ทั้งยังย้ำเตือนความจำถึงตอนที่เขาร้องเพลงคนของเธอให้แนนฟังว่าไม่ได้น้ำเน่าแต่เขาร้องออกมาจากใจจริงจากความรู้สึกจริงๆของเขาที่มีต่อแนน และบอกแนนว่าที่มาวันนี้เพื่อจะมาถามคำถามที่เคยเตรียมไว้ว่าเธอจะยอมไปจีนกับเขาไหม แนนผละตัวออกแล้วหลบหน้าฮั่นเธอคิดว่าคำพูดของฮั่นมันสวยหรูเกินไปหรือเปล่าแล้วไหนจะยายกับน้องสาวที่เมืองไทยไหนจะลูกของเธอ ฮั่นเมื่อเห็นแนนมีท่าทีลังเลเหมือนไม่ไว้ใจก็เอามือข้างหนึ่งจับไปที่ท้องของแนน และบอกว่าแนนไม่ต้องเป็นห่วงเขาจะดูแลเด็กในท้องให้เหมือนดูแลแนนโดยไม่สนว่าพ่อของเด็กคือใครเพราะการได้อยู่กับแนนต่างหากคือความสุขของเขา แนนสบตากับฮั่นแล้วร้องไห้ออกมากับสิ่งที่ได้ยิน ทั้งสองคนกอดกันอีกครั้งแต่ในช่วงเวลาแห่งความซาบซึ้งนั่นเองแนนก็เหลือบไปเห็นคนขี่มอเตอร์ไซด์ที่เล็งปืนมาที่ฮั่นกับเธอพอดี แนนเข้าใจได้ทันทีว่าคงเป็นมือปืนของเสี่ยอู๋ที่จะมาเก็บเธอเป็นแน่ และในสถานการณ์เช่นนี้ฮั่นคงต้องรับเคราะห์ไปด้วยอย่างแน่นอน ในจังหวะที่มือปืนกำลังจะเหนี่ยวไกยิงจากด้านหลังฮั่น แนนก็รีบหันตัวไปรับกระสุนปืนแทนจนล้มลงไปในอ้อมแขนจองฮั่นที่พยายามประคองเธอไว้ มือปืนเมื่อเห็นว่าแนนโดนยิงเข้าไปแล้วก็รีบขี่มอเตอร์ไซด์หนีไปโดยไม่ได้สนใจฮั่น ฮั่นเองก็ตกใจเมื่อเห็นแนนที่โดนยิงและมีเลือดออกมามาก แต่แนนเองก็กำลังจะสลบและได้พูดคำสุดท้ายกับฮั่นว่าขอบคุณนะก่อนจะแน่นิ่งไป ก้อยจ๋าและเหลาที่เพิ่งจะตามมาทีหลังก็เห็นเหตุการณ์ก็ตกใจรีบเรียกรถพยาบาลและแจ้งตำรวจเป็นการใหญ่ ส่วนฮั่นดึงแนนขึ้นมากอดพลางร้องไห้เสียใจแทบสิ้นสติที่คนรักของเขาอยู่ดีๆก็มาโดนยิงเช่นนี้    

      ด้วยความแค้นฮั่นจึงไปดักเสี่ยอู๋อยู่ที่ร้านเพื่อตั้งใจจะเอาเรื่องแล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อเขาได้พบเสี่ยอู๋กำลังเสวยสุขกับเด็กใหม่ ฮั่นตรงดิ่งเข้าไปขอเคลียร์กับเสี่ยอู๋ทันที ทีแรกเสี่ยอู๋ก็คิดว่าฮั่นคงเป็นไอ้ตี๋ขี้เมาไม่รู้เรื่องธรรมดาๆเลยยังทำฮาไปแซวฮั่นว่าไม่กลับไปร้องเพลงกับสมาชิกวงที่เกาหลีเหรอ แต่ฮั่นไม่ตลกด้วยจึงชกเข้าเต็มหน้าเสี่ยอู๋ไปเต็มๆหนึ่งหมัด แต่ในเมื่อเสี่ยอู๋ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกอะไรที่จะโดนฮั่นมาเล่นงานขนาดนี้แล้วจะรอดไปได้ง่ายๆเสี่ยอู๋จึงสั่งให้ลูกน้องลากฮั่นไปที่ตรอดมืดหลังร้านแล้วจัดการรุมซ้อมฮั่นจนสะบักสะบอมแทบเอาตัวไม่รอด เสี่ยอู๋จึงเริ่มนึกขึ้นได้ว่าฮั่นคือแฟนของแนนนั่นเอง จึงบอกกับฮั่นไปว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ตอนนั้นมือปืนไม่มายิงฮั่นให้ตายไปอีกคน แต่ไหนๆมาที่นี่ก็เหมือนจะมาหาที่ตายอยู่ดี พลางควักปืนมาเล็งที่หัวของฮั่นพร้อมลั่นไกในระยะเผาขน แต่เหลาก็มาห้ามได้ซะก่อนพร้อมพาเฮียเล็กพ่อของเสี่ยอู๋มาด้วย เฮียเล็กซึ่งเป็นนักการเมืองดังเห็นลูกชายทำตัวเช่นนี้ก็รู้สึกโกรธจึงเดินปรี่เข้าไปตบเสี่ยอู๋อย่างรุนแรงจนเลือดกลบปากเสี่ยอู๋เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อก็มลายหายความซ่าเหมือนเป็นลูกหมาไร้ทางสู้ไปโดยสิ้นเชิง ทางด้านเฮียเล็กก็เข้ามาเคลียร์กับฮั่นพร้อมทั้งขอให้เหลากับฮั่นให้ลืมๆเรื่องทั้งหมดซะ ให้เลิกแล้วต่อกันแล้วกลับจีนไปเขาจะชดใช้ค่ารักษาของแนนพร้อมทั้งสัญญาว่าจะไม่ให้เสี่ยอู๋ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับแนน อีก เหลาเองที่มีความสัมพันธ์อันดีจากการติดต่องานกับเฮียเล็กมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วก็ตกลงตามสัญญานั้นแต่ฮั่นเองกลับโมโหเพื่อนที่ยอมความโดยง่ายดาย ด้วยความโกรธแค้นไม่มีสติก็ตวาดใส่เฮียเล็กว่าคนจะตายเอาเงินมาชดใช้ยังไงก็ไม่ได้หรอก เฮียเล็กจึงพูดอย่างนิ่มๆว่าถ้าปกติมีคนมากล้าปากดีขึ้นเสียงกับเขาเช่นนี้คงไม่ตายดีแล้ว แต่เขาเข้าใจความรู้สึกของฮั่นพร้อมทั้งประทับใจกับเรื่องราวความรักของฮั่นที่มีต่อแนนซึ่งเขาคิดว่าเรื่องแบบนี้มันมีให้เห็นแต่ในหนังน้ำเน่าละครหลังข่าวเอาใจแม่บ้านไม่น่าเชื่อว่าโลกนี้จะมีคนใจเพชรแบบฮั่นอยู่จริง พร้อมทั้งบอกให้ฮั่นใจเย็นๆแล้วกลับไปหาแนนที่โรงพยาบาลซะดีกว่าเสียเวลามาหาเรื่องเขา  ฮั่นจึงเข้าใจได้ทันทีว่าแนนคงยังไม่ตายเลยรีบเดินทางไปโรงพยาบาลที่แนนอยู่ ส่วนเหลาเองก็รีบโค้งคำนับพร้อมขอบคุณเฮียเล็กที่ช่วยจัดการเคลียร์เรื่องยุ่งเหยิงนี้ให้พร้อมบอกว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณพ่อเฮียเล็กมากหากมีสิ่งใดให้ช่วยเหลือในภายหลังก็บอกได้เลย ทางเฮียเล็กก็ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากให้เก็บเรื่องทั้งหมดไว้เป็นความลับไม่ต้องให้ใครรู้แล้วทุกฝ่ายก็จากกันไปด้วยดีไม่ต้องข้องเกี่ยวอะไรกันอีก

      ที่โรงพยาบาลเมื่อแนนเริ่มรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมา เธอก็มองเห็นฮั่นที่นอนสลบอยู่ข้างๆตัวเธอ พร้อมทั้งจ๋ากับก้อยที่นั่งคอยอยู่ห่างๆ เมื่อทั้งสองเห็นแนนฟื้นได้สติต่างก็โห่ร้องดีใจกันลั่นจนนางพยาบาลต้องเปิดประตูเข้ามาเตือนให้ทั้งคู่เบาเสียง ฮั่นเองก็พลอยสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วย เมื่อเห็นแนนฟื้นตื่นขึ้นมาก็รีบสวมกอดแนนอย่างแน่นพร้อมทั้งบอกแนนว่าเธอไม่รู้หรอกว่าเขาดีใจและรอคอยให้แนนฟื้นมาขนาดไหน แนนได้แต่ทำหน้างงๆแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองโดนยิง ฮั่นบอกว่าแนนสลบโคม่าไปหลายวันตอนแรกเขาคิดว่าแนนไม่รอดแล้วด้วยซ้ำ แต่โชคดีที่มือปืนยิงไม่โดนจุดสำคัญ อีกทั้งเหลายังช่วยพาไปโรงพยาบาลให้หมอช่วยรักษาผ่าเอากระสุนออกได้ทันเวลา แต่ถึงอย่างนั้นใช่ว่าจะมีแต่ข่าวดีทั้งหมด เพราะระหว่างที่แนนบาดเจ็บเธอก็แท้งลูกในท้องไปด้วย แนนเองเสียใจอย่างมากแต่ก็พอจะทำใจได้เพราะถึงแม้ลูกในท้องเธอจะไม่มีชีวิตรอดแต่เธอก็ยังมีฮั่นคอยอยู่เคียงข้างคอยดูแลอย่างที่เธอต้องการ ฮั่นเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจและบอกแนนว่าขอโทษที่เคยทำให้แนนรู้สึกไม่ดีแต่จากนี้ไปเขาจะดูแลอยู่ข้างๆแนนตลอดไปไม่ยอมปล่อยให้แนนจากเขาไปไหนได้อีกแล้วพร้อมทั้งบอกว่าถ้าแนนต้องการเขาก็จะย้ายมาอยู่เมืองไทยกับเธอ แต่ไม่ทันขาดคำเหลาก็เข้ามาพร้อมตามตัวฮั่นให้เตรียมเก็บของเดินทางเพราะถึงเวลากำหนดการกลับจีนของฮั่นแล้ว ฮั่นเองที่เพิ่งเห็นแนนตื่นขึ้นไม่นานก็ไม่อยากกลับไปและขอร้องเหลาว่าจะขออยู่ต่อ แต่แนนเองก็บอกว่าไม่เป็นไร เธอไม่อยากให้ฮั่นต้องเอาชีวิตมาทุ่มเททั้งหมดให้กับเธอจนเสียงานเสียการไปจึงบอกให้ฮั่นกลับจีนไปก่อน แล้วเธอสัญญาว่าเมื่อเธอหายดีเมื่อไหร่เธอจะบินไปหาฮั่นที่จีนเองแล้วทั้งสองจะได้พบและอยู่ด้วยกันอีกครั้งพร้อมเริ่มต้นใหม่อย่างจริงจังซักที

      เวลาผ่านไปแนนที่หายดีได้เดินทางมาถึงที่สนามบินโดยมีก้อยและจ๋ามาส่ง ทั้งคู่ต่างล่ำลากับแนนอวยพรให้ไปดีมาดี แนนเองบอกว่าเธอไปแล้วเดี๋ยวก็จะกลับมาหาเป็นระยะๆ ก้อยกับจ๋ายังแซวว่าถ้าไปแล้วลำบากก็ไม่ต้องกลับมาแล้วเพราะพวกเธอหมั่นไส้จะไม่ต้อนรับแล้วนะ ทั้งหมดล้วนหัวเราะกันก่อนจะจากลา โดยแนนได้ฝากจดหมายฉบับหนึ่งให้ก้อยกับจ๋าฝากส่ง มันคือจดหมายที่แนนบรรจงเขียนส่งให้ยายและน้องของเธอ เมื่อญาติทั้งสองได้รับจดหมายเปิดออกดูจึงได้อ่านข้อความที่แนนเล่าเรื่องราวความเป็นไปของชีวิตในเมืองหลวงของเธอว่าต้องพบเจออะไรบ้าง แน่นอนชีวิตในกรุงเทพไม่ได้สวยหรูอย่างที่วาดฝันและโหดร้ายไม่ต่างอะไรจากข่าวสารที่ได้ยินรับฟังทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แต่เธอก็โชคดีที่ได้เจอคนดีๆอย่างเพื่อนสาวทั้งสองรวมไปถึงผู้ชายดีๆอย่างฮั่นที่เธอสามารถฝากชีวิตไว้ด้วยได้ ตอนนี้เธอได้เริ่มชีวิตใหม่ที่จีนกับฮั่นแล้วแต่ไม่ลืมยายกับน้องสาวอย่างเด็ดขาด เธอยังได้ฝากเงินจำนวนหนึ่งเข้าบัญชีไว้เพื่อให้ยายและน้องสามารถนำไปใช้เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งยังสัญญาว่าจะคอยฝากเข้าบัญชีให้อยู่เสมอๆทุกเดือน ญาติๆทั้งสองของแนนเมื่อได้รู้เรื่องราวทั้งหมดต่างก็โล่งอกโล่งใจที่แนนได้ดิบได้ดีแล้ว แต่ก็ไม่ลืมคนที่บ้านเช่นนี้ ข้างแนนเองก็ตั้งใจเริ่มชีวิตใหม่ที่จีน ทำงานดีๆด้วยความช่วยเหลือของฮั่นและพรรคพวก พร้อมใช้ชีวิตใหม่กับชายที่เธอรัก ในตอนนี้อะไรๆก็ดูลงตัวแล้วสำหรับเธอ ผู้หญิงตัวเล็กๆที่จบเพียงม.ที่ทุกวันนี้เส้นทางชีวิตมาไกลเกินกว่าที่เธอคาดนัก และสักวันเธอก็ยังคงหวังว่าเธอจะสามารถกลับไทยไปรับยายและน้องรวมไปถึงจ๋ากับก้อยให้มาอยู่กับเธอที่จีนได้ ......ซักวัน

       ทรีทเม้นบทโดย
      พั้นช์
      อาท ธิติพันธ์ มังครุดร


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×